What Got You Here Won't Get You There / อย่าคิดว่าทำแบบเดิมแล้วจะสำเร็จไปตลอด
เมื่อวานก่อนบังเอิญเจอเพื่อนร่วมงานเก่าที่ไม่ได้เจอกันสองปีกว่า เค้าบอกว่าพรุ่งนี้จะบินไปทำงานที่ US แล้ว
ผมก็ถามต่อว่างานมีรายละเอียดยังไง ต้องทำอะไรต่างจากเดิมไหม เค้าก็บอกว่าไม่เลย ทำระบบเดิม ขอบเขตงานเหมือนเดิม เพียงแต่ที่ฝั่ง US มีจ้างโปรแกรมเมอร์เพิ่ม แต่เป็นเด็กใหม่หมด พึ่งจบจากมหาวิทยาลัย ทีมเลยอยากให้มีโปรแกรมเมอร์ที่อาวุโสหน่อยไปช่วยสอน ซึ่งเค้าก็ชอบสอนคนอื่นอยู่แล้ว (และสอนได้ดีด้วย คนนี้ใจเย็น อารมณ์ดี)
แสดงความยินดี คุยกันจบ ทำให้ผมกลับมาคิด
อย่างแรกเลยคือปริมาณโปรแกรมเมอร์จบใหม่ทั่วโลก และที่เปลี่ยนสายมากำลังเพิ่มขึ้นมาก เพราะเงินเดือนที่ดีขึ้น คุณภาพงานที่ดีกว่า (ทำ remote หรือ Work From Home ได้)
แต่ปริมาณความต้องการก็เพิ่มขึ้นไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมเมอร์ที่ประสบการณ์ระดับ 10 ปีขึ้น เคยทำและออกแบบระบบใหญ่ๆ สามารถคุมโปรเจ็ค สอนโปรแกรมเมอร์ใหม่ๆ จำนวนยังมีอยู่จำกัด บริษัทใน US แย่งซื้อตัวกันเยอะมาก ทำให้ขาดแคลน บริษัทถึงเริ่มดึงคนจากต่างประเทศไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ประเด็นต่อมาคือหนังสือที่ผมเคยอ่านสรุป ชื่อว่า What Got You Here Won’t Get You There
หนังสือเรื่องนี้เล่าถึงผู้จัดการที่ติดอยู่ในระดับ Early/Middle management แต่ไปต่อไม่ได้ สาเหตุนึงเพราะเค้าเชื่อมั่นในพฤติกรรมหลายๆอย่างของเค้า ที่ทำให้เค้าได้รับการโปรโมทมาอยู่ในตำแหน่งนี้ และยังยึดอยู่กับพฤติกรรมนั้นโดยไม่เปลี่ยน
ยกตัวอย่างเช่น สมัยเป็น Analyst คนคนนี้อาจจะเป็นคนที่พูดเก่ง มีผลงาน และนำเสนอตัวเองอยู่ตลอด จนได้รับการเลื่อนขั้นมาเป็น Team manager
แต่พอการที่จะก้าวขึ้นไปในระดับต่อไป เค้าควรจะพูดให้น้อยลง ฟังคนในทีมให้มากขึ้น งานส่วนใหญ่ก็ต้องให้ลูกน้องทำแม้ตัวเองจะทำได้ดีกว่า แทนที่จะนำเสนอตัวเอง เค้าต้องฝึกและสนับสนุนให้ลูกทีมได้ผลงานแทนที่จะทำงานคนเดียว รับความดีความชอบคนเดียว
จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมสมัยเป็น Analyst นั้น ถ้าเอามาใช้ในตำแหน่ง Manager แบบไม่เปลี่ยนเลย สามารถทำให้ทีมพินาจได้เลยทีเดียว
สำหรับโปรแกรมเมอร์ ตอนเริ่มงานใหม่ๆ เราโฟกัสแค่ทำงานในส่วนที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ เขียนให้มันทำงานได้ก็พอ แต่เวลาผ่านไป เราเริ่มจะเข้าใจว่าทำงานได้ไม่พอ ต้องเขียนโค้ดให้ดี ดูแลง่ายในอนาคตด้วย พอผ่านไป เราก็เริ่มเข้าใจว่าการจะทำให้มันดูแลง่าย มันต้องเริ่มตั้งแต่การออกแบบตั้งแต่ตอนแรก
แต่พอคุณเริ่มก้าวขึ้นเป็นระดับ Lead/Staff/Principal หน้าที่ของคุณเปลี่ยนไป คุณต้องเป็น Force Multiplier คือทำให้คนอื่นทำงานได้ผลลัพธ์มากขึ้น ดีขึ้น ไม่ใช่ตัวคุณคนเดียว คุณต้องเทรนเด็กใหม่ให้ทำงานได้เร็วและดีไม่แพ้คุณ คุณต้องคุยกับคนมากขึ้น ที่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ต้องเข้าใจว่าถ้าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กรไปในทิศที่ต้องการ จะต้อง Influence ใครบ้าง ซึ่งคนพวกนี้จะมักจะเป็น Managerial หรือ Business side ไม่เข้าใจเรื่อง Technical มาก การที่จะเปลี่ยนใจคนพวกนี้ คุณต้องมีพฤติกรรมหรือ Skill set ที่ต่างจากเดิม
จึงกลับมาที่ชื่อหนังสือ “What Got You Here Won’t Get You There”
ฝากเรื่องนี้ไว้ให้คิดกัน บางคนอยากเน้นเขียนโปรแกรมไปตลอด ผมว่าเป็นเรื่องที่โอเคนะ ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นบ่อยๆ ในขณะเดียวกัน ใครที่รู้สึกตัน อยากจะเลื่อนขั้นแต่ไม่ไปไหนเสียที ลองพิจารณาประเด็นนี้ไว้ด้วย ลองถาม Manager ดูว่าถ้าเราอยากทำงานในระดับขั้นต่อไป เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง คำถามนี้อาจจะทำให้เห็นด้านอื่นที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันสำคัญ
---
ติดตามบทความสำหรับโปรแกรมเมอร์ทั้งด้านได้ที่ Facebook page Not about code หรือ Twitter @notaboutcode บทความของเพจจะเน้นเนื้อหาที่นำไปใช้ได้กับชีวิตจริง แต่ไม่ยึดติดกับเทคโนโลยีหรือภาษา เช่น System Design, Continuous Delivery, Testing, Career, etc.
สำหรับท่านที่อยากสนับสนุนผู้เขียน รบกวนช่วยแชร์โพสต์ในเฟสบุ้คให้กับเพื่อนๆที่น่าจะสนใจหัวข้อพวกนี้ด้วยครับ